รีเซต

เทคนิค SEO ปี 2021 วิธีสร้างบทความให้ติดบน Google Search ง่าย ๆ ดังนี้

✅ SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หรือวิธีการปรับแต่งเว็บไซต์ของเรา ในที่นี้จะรวมไปถึงการปรับปรุงเนื้อหาและการเพิ่ม Backlink ซึ่งเป็นลิงก์ที่มีคุณภาพมายังเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอยู่ในอันกับต้น ๆ บน Search

 

✅ กระบวนการทำงานของ google จะสามารถแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้

  • การจัดเก็บข้อมูล (Crawl) : คือ google จะส่งหุ่นยนต์ หรือ ที่หลาย ๆ คนเรียกว่า google bot ไปทำการเก็บรวบรวมข้อมูลตามเว็บไซต์ต่าง ๆ และนำข้อมูลมาจัดทำรายการให้ google ทราบเพื่อที่จะได้ทำการจัดอันดับตาม Score เว็บไซต์ในขั้นตอนต่อไป

  • การจัดทำดัชนี (Indexing) : หลังจากที่ google ได้ข้อมูลมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะทำการวิเคราะห์ หน้าเว็บเพจ หรือหน้าโพสต์นั้น ๆ ว่าเกี่ยวข้องกับ keyword อะไร พอครบองค์ประกอบแล้ว ก็จะเอาไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลส่วนกลางของ google เป็นต้น

  • การประมลผลจัดอันดับ (Ranking): เมื่อมีคนเข้ามาค้นหาข้อมูลต่าง ๆ จากทาง google ก็จะทำการดึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องหรือ ที่เคยทำดัชนี เอามาแสดงผลโดยอันดับจะดีหรือไม่ดีนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านโครงสร้างเว็บไซต์ เนื้อหาในเว็บไซต์ และความน่าเชื่อถือของแต่ละเว็บไซต์นั่นเอง

✅ ความสำคัญในการทำ SEO

  • ในยุคปัจจุบัน Google จะเข้ามามีบทความต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้นหาความรู้ใหม่ ๆ การซื้อและการขายของ ข้อมูลรีวิวสินค้าต่าง ๆ รีวิวสถานที่ท่องเที่ยว อ่านข่าว หรือติดตามผลกีฬาต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สิ่งแรกที่เราจะค้นหาข้อมูลได้ก็จากใน google ทั้งสิ้น

✅ ความแตกต่างระหว่าง SEO และ SEM

  • SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หรือวิธีการปรับแต่งเว็บไซต์ของเรา ในที่นี่จะรวมไปถึงการปรับปรุงเนื้อหาและการเพิ่ม Backlink ซึ่งเป็นลิงก์ที่มีคุณภาพมายังเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอยู่ในอันกับต้น ๆ บน Search

  • SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing หมายถึง การทำการตลาดออนไลน์ โดยการซื้อโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น PPC , Youtube , Shopping เพื่อทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บนหน้าการค้นหา เพราะเมื่อมีการค้นหามาจาก Ketword ตามที่ได้กำหนดไว้ เราสามารถสังเกตง่าย ๆ คือคำว่า Ads ที่จะปรากฏอยู่ที่หน้าชื่อเว็บไซต์ของเรา โดยเราจะเสียเงินทุกครั้งเมื่อมีคนคลิกเข้ามาที่โฆษณาของเรา

✅ Paid search VS organic search ต่างกันอย่างไร?

  • Paid search คือ PPC ย่อมาจาก Pay per click คือ การลงโฆษณาบนหน้าผลการค้นหากับ Search Engine เช่น Google Ads (Google AdWords) โดยจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีการคลิกที่โฆษณา

  • Organic search คือ การทำหรือปรับแต่งเว็บไซต์ของเรา ให้ปรากฏอยู่บนหน้า search และทำอันดับด้วยการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และตอบโจทย์คนค้นหา ดังนั้น การทำ SEO จึงมีความยากมากกว่าการซื้อโฆษณา Ads เพราะว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการจัดอันดัการค้นหาบน search google

✅ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของ google แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้

  • On page : ปัจจัยในเว็บไซต์ เป็นการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์และคอนเทนต์ภายในเว็บไซต์ เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสให้คอนเทนต์นั้น ๆ ถูกจัดอันดับอยู่ในที่สูงขึ้น และอยู่หน้าแรกของ Search ต่าง ๆ เมื่อมีการค้นหา Keywords นั้น ๆ บน Search

  • OFF page : ปัจจัยจากภายนอกเว็บไซต์ นั่นคือ Backlink หรือลิงก์จากเว็บไซต์อื่น โดยอาจจะเป็นลิงก์ที่ผู้อื่นสร้างให้เว็บไซต์ของเรา หรือลิงก์ที่เราสร้างด้วยตัวของเราเอง เช่น การลงบทความในเว็บไซต์อื่น การลงทะเบียนเว็บไซต์ในสารบัญเว็บไซต์ เป็นต้น

✏️ เขียนบทความอย่างไรเพื่อให้ติดอันดับบน Google ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้

1. วิธีตั้ง Title content ควรทำอย่างไร

: ความยาวอยู่ที่ 65-70 ตัวอักษร Word

: key หลักควรอยู่ต้น ๆ ประโยค

: key รอง ควรอยู่ใกล้ key หลัก

: ถ้า Title เป็นปี พ.ศ. หรือ ค.ศ. ควรอัปเดต ปีนั้น ๆ ด้วย

: ต้องอ่านและเข้าใจง่าย

: ลำดับการวาง keyword ก็สำคัญเช่นกัน

- Honda >> Civic Hatchback

- Adidas >> Ultra boost

2. พารากราฟแรกควรตั้งอย่างไร

: ควรมีความยาวไม่เกิน 160 word

: ควรใส่ keywords หลักที่เราต้องการทำลงไปใน พารากราฟแรก

: keywords หลักควรจะอยู่ต้นประโยค หรือกลางประโยค ไม่ควรใส่ท้ายประโยค เพราะเวลา google แสดงผล Search - keywords หลัก อาจจะถูกตัดทิ้งไป

3. เขียน content ยังไงถึงจะดี?

: ความยาวของคอนเทนต์ควรอยู่ 500 -1000 ตัวอักษร word

: แต่ละพารากราฟควรมี key หลักอยู่ 1-2 คำ

: ควรทำตัวหนา ตัวเอียง ขีดเส้นใต้ มี key หลักอยู่ 1-2 คำ

: คอนเทนต์คุณภาพเขียนเอง

: เนื้อหาต้องสอดคล้องกับ key หลัก

: ใส่รูปหรือวิดิโอให้ครบ (ถ้ามี)

: ควรใส่ลิงก์อ้างอิงให้ครบถ้วน

: คอนเทนต์ที่มีลิงก์หัวข้อควรใส่ Bullet point หรือหัวข้อตัวเลข

 

✅ เครื่องมือการค้นหา Keyword ง่าย ๆ มีดังต่อไปนี้

  • Google Trends คือ เอาไว้ตรวจสอบว่าแต่ละวันมีคำไหนถูกค้นหาบ้างและมากน้อยแค่ไหนของแต่ละพื้นที่ แนวโน้มการค้นหาที่ผ่านมารวมถึงkeywordกลุ่มเดียวกันหรือคล้ายกันเนื่องจากสะกดผิดก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน จุดเด่นของ Google Trends คือจะแสดงกราฟแนวโน้มการค้นหาให้เราสามารถเปรียบเทียบคำค้นหาแต่ละตัวได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย

  • Google keyword planner คือ เครื่องมือที่อยู่ใน google Ads หรือ Google Adwords จะเหมาะมากกับผู้ที่กำลังเริ่มค้นหา keywords หรือพึ่งเริ่มทำคอนเทนต์เว็บไซต์ เพราะนอกจากเป็นเครื่องมือในการค้นหา keyword ได้แล้วยังเป็นวิธีการเรียนรู้เครื่องมือทำเว็บไซต์ของ google ไปในเวลาเดียวกันได้อีกด้วย

  • Ubersuggest คือ เว็บที่เอาไว้ใช้สำหรับวิเคราะห์คำ keyword ต่าง ๆ เพื่อให้เรานำเอาไว้ใช้เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างคอนเทนต์ ซึ่งผู้ที่สร้างเครื่องมือนี้คือ Neil Patel กูรู SEO ระดับโลก

 

💬ความรู้เพิ่มเติม💬

  • Featured Snippets คือ รูปแบบหนึ่งของผลของการค้นหาที่จะแสดงผลเมื่อมีคนพิมพ์ค้นหาบางอย่างมา และเนื้อหาบนเว็บสามารถให้คำตอบหรืออธิบายการค้นหาได้เป็นอย่างดี

  • Alt ชื่อ Image สำคัญอย่างไร คือ คำอธิบายรูปภาพบนเว็บไซต์ หน้าที่หลัก ๆ ก็คือช่วยบอกว่ารูปภาพนี้คืออะไรมีความเกี่ยวข้องกับบทความอย่างไร และเว็บไซต์นั้น ๆ อย่างไรจะทำให้คอนเทนต์หรือภาพนั้น ๆ มีโอกาสติดอยู่บน google search ได้เช่นกัน

  • Internal link คืออะไร คือลิงก์ที่อยู่ภายในเว็บไซต์ของเรา มีหน้าที่เชื่อมโยงลิงก์ไปยังหน้าเพจต่าง ๆ เป็นการสร้าง Traffic ภายในเว็บไซต์ทำให้คนเข้ามาชมเว็บไซต์และอยู่ในหน้าเว็บไซต์ของเรานานมากขึ้น

  • External link คืออะไร คือลิงก์ที่ออกไปนอกเว็บไซต์นั่นเอง

  • Social media แชร์ที่ไหนดี Facebook , Twitter , Youtube , Pinterest เป็นต้น

     


    หากมีข้อสงสัย หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ TrueID Creator Official คลิกเลย

     
    หากบทความนี้เป็นประโยชน์ คลิก “ใช่” หรือ หากควรปรับปรุงบทความนี้  คลิก “ไม่” ระบบจะนำท่านสู่การช่วยเหลือเพิ่มเติมค่ะ
บทความแนะนำ